คติความเชื่อของคนเมืองเรื่อง “ชีวิตหลังความตาย” เชื่อว่าคนตายจะต้องไปสู่เมืองผี เป็นความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่นที่ส่งต่อกันมาอย่างยาวนานว่า เมืองผีก็เหมือนเมืองคน แต่เป็นคนละเมืองกับเมืองคน ดังนั้นเมื่อกล่าวบอกให้ผู้ตายไปสู่เมืองผีก็จะบอกอกว่า “โลกใครโลกมัน โลกเมืองคนก็ให้คนอยู่ โลกเมืองผีก็ให้ผีอยู่”
ชีวิตในโลกเมืองผีนั้นเชื่อว่ามีการกินการอยู่เหมือนชีวิตคน มีบ้าน มีที่อยู่ มีอาหารที่ต้องหามาเลี้ยงตัวเองในเมืองผี ดังนั้นบางครั้งที่ลูกหลานไปถามเจ้าทรง หรือการที่ลูกหลานญาติมิตรฝันถึงคนตาย ก็จะรับรู้ว่าคนตายไปอยู่ที่บ้านในเมืองผี หรืออาจอยู่ตามต้นไม้ ในถ้ำ หรือหน้าผา ลูกหลานก็จะเป็นห่วงมากจึงต้องทำทานให้พ่อแม่ เพื่อพ่อแม่จะได้มีบ้านอยู่ในเมืองผี ไม่ต้องตากแดด ตากฝน
คนตายจะอยู่ในเมืองผีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นจะมีเวลาที่ได้ไปเกิดใหม่ โดยจะต้องเดินทางเพื่อไปเกิด ระหว่างทางนั้นก็ยาวนาน ทั้งมืดทั้งสว่าง และลำบาก ดังนั้นคำที่กล่าวเมื่อทำทานให้คนตายก็จะบอกว่า “ขอหื้อเป็นแสงไฟเงาต๋ามส่องส่อง ติดโตยต้องต๋ามต๋น” หรือ “ขอให้มีแสงไฟคอยส่องติดตามไป” เมื่อเดินทางเจอไปเรื่อยๆจะพบบ่อน้ำก็จะข้ามไม่ได้ เมื่อลูกหลานทำทานให้คนตายก็จะมีไข่เป็ดอยู่ในนั้นด้วยเพื่อให้คนตายเอาไปฟักให้เป็นตัว เมื่อเป็ดโตก็จะขี่หลังเป็ดข้ามแม่น้ำเดินทางต่อไป เมื่อถึงฝั่งโอฆสงสาร หรือ จุดเวียนเกิดเวียนตายที่จะข้ามไปเกิดใหม่ เป็ดนั้นจะไปสามารถพาไปได้ คนตายก็จะอยู่แถวนั้นพยายามหาทางไป บางครั้งลูกหลานอาจฝันถึง จึงมีการสร้างสะเปาคำทำทานให้คนตาย
สำหรับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ พิธีศพอย่างล้านนา ทางคณะผู้จัดงาน “อาลัย เดือนลับฟ้า สู่สรวง” จะนำเสนอตอนต่อไป ในเรื่องการตั้งศพและพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างล้านนา
โปรดติดตามได้ในเวบไซต์ www.chaoduangduen.com
#เจ้าดวงเดือน #chaoduanduen #อาลัยเดือนลับฟ้าสู่สรวง #ชีวิตหลังความตายของชาวล้านนา